โบท็อกซ์คือโบทูลินัมท็อกซินชนิดฉีดมีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อเป้าหมายอ่อนแรงชั่วคราวมีประโยชน์ในการรักษาทั้งด้านความงามและการแพทย์ ผู้ให้บริการด้านการแพทย์ใช้โบท็อกซ์เพื่อลดเลือนริ้วรอย ป้องกันไมเกรน และรักษาอาการต่างๆ
โดยทั่วไปแล้วการทำงานของโบท็อกซ์จะปิดกั้นสัญญาณประสาทไปยังกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน ทำให้กล้ามเนื้อหดตัวไม่ได้ ผลกระทบเหล่านี้เป็นเพียงชั่วคราว โดยทั่วไปจะคงอยู่เป็นเวลาหลายเดือน สามารถรักษาได้หลายบริเวณในครั้งเดียว ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ป่วย
มาดูคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับโบท็อกซ์ที่พบบ่อยกันต่อได้เลย
โบท็อกซ์ใช้เพื่อความงามในส่วนใดของร่างกายบ้าง
โดยทั่วไปแล้ว โบท็อกซ์ จะใช้เพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้าและริ้วรอยเล็กๆ ในบริเวณต่างๆ ได้แก่
- หน้าผาก
- คิ้ว
- รอยตีนกา
- จมูก
- ริมฝีปาก
- คาง
- กราม
- คอ
โบท็อกซ์ช่วยบรรเทาอาการปวดได้อย่างไร
รู้หรือไม่ว่าโบท็อกซ์มักใช้เพื่อจัดการความเจ็บปวดโดยการบล็อกสัญญาณประสาทที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อเกร็ง อาจมีประสิทธิภาพสำหรับ อาการปวดหลัง คอ และขากรรไกร อาการปวดเส้นประสาท รวมถึงอาการปวดหลังส่วนล่างและเส้นประสาทอักเสบ ความผิดปกติของขากรรไกร อาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง รวมถึงโรคข้อเข่าเสื่อมและอาการปวดข้อได้
โบท็อกซ์ทำมาจากอะไร
โบท็อกผลิตจากเชื้อคลอสตริเดียมโบทูลินัม ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ผลิตโบทูลินัมท็อกซินขึ้นเองตามธรรมชาติ ในทางการแพทย์ สารพิษนี้จะได้รับการประมวลผล เจือจาง และฆ่าเชื้ออย่างระมัดระวังในห้องแล็บเพื่อให้แน่ใจถึงความปลอดภัย
โบท็อกซ์ปลอดภัยไหม
โดยทั่วไปโบท็อกซ์จะปลอดภัยหากได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ที่มีใบอนุญาต อย่างไรก็ตาม บุคคลบางคน เช่น ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อหรือกล้ามเนื้อใบหน้าที่อ่อนแอ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษา
ก่อนฉีดโบท็อกซ์ควรเตรียมตัวอย่างไรดี
ก่อนเข้ารับการรักษา โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาหรืออาหารเสริมที่คุณรับประทาน เนื่องจากยาบางชนิดเช่น ยาละลายลิ่มเลือดและยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ อาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดรอยฟกช้ำมากขึ้นและอย่าลืมงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการรักษา
การดูแลหลังการรักษาและการฟื้นตัว
หลังเข้ารับการรักษาควรหลีกเลี่ยงการถูบริเวณที่ได้รับการรักษาเป็นเวลา 12 ชั่วโมงและอยู่ในท่าตรงเป็นเวลา 3-4 ชั่วโมงหลังการรักษา ในขณะที่งดกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากเป็นเวลา 24 ชั่วโมงแต่สามารถทำกิจกรรมที่ไม่ต้องขยับร่างกายมาได้เช่น การเล่นสล็อตมังกรบนมือถือ เมื่อทำการรักษาแล้วผลของโบท็อกซ์มักจะคงอยู่ได้ 3-4 เดือน และการรักษาซ้ำหลายครั้งอาจช่วยให้ผลลัพธ์ยาวนานขึ้น
ข้อดี-ข้อเสียของการทำโบท็อกซ์
เนื่องจากโบท็อกซ์สารพิษต่อระบบประสาท (โบทูลินัมท็อกซิน) ที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อชั่วคราวเพื่อลดริ้วรอยและรอยย่นเล็กๆ มีข้อดี-ข้อเสียดังนี้
ข้อดี
- ช่วยลดริ้วรอยและรอยย่นเล็กๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เป็นขั้นตอนที่รวดเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
- สามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยลึกในระยะยาวได้
- อาจช่วยบรรเทาอาการทางการแพทย์ เช่น ไมเกรนและเหงื่อออกมากเกินไป
- ผลลัพธ์มักจะอยู่ได้นาน 3-6 เดือน
ข้อเสีย
- การใช้มากเกินไปอาจทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ
โบท็อกซ์อาจเปรียบเทียบกับฟิลเลอร์ผิวหนังได้อย่างไร?
โบท็อกซ์ ช่วยคลายกล้ามเนื้อเพื่อให้ริ้วรอยเรียบเนียน ในขณะที่ฟิลเลอร์ผิวหนัง เพิ่มปริมาตรสารออกฤทธิ์ เช่น กรดไฮยาลูโรนิกสามารถใช้การรักษาทั้งสองวิธีร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
สรุป
โดยสรุปแล้วการฉีดโบท็อกซ์เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการปรับปรุงรูปลักษณ์และรักษาอาการป่วย แม้ว่าผลลัพธ์จะชั่วคราว แต่หลายคนพบว่าโบท็อกซ์ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก ปรึกษาผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณเพื่อพิจารณาว่าโบท็อกซ์เหมาะกับคุณหรือไม่ก่อนเริ่มทำการรักษา