แสงสีฟ้า ภัยร้ายทำลายผิว อยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด

แสงสีฟ้า ภัยร้ายทำลายผิว อยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด

แสงสีฟ้า ภัยร้ายทำลายผิว ในเช้าที่คุณตื่นมานั้นสิ่งที่คุณทำคืออะไร ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว หรือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถดูฟีดข่าวสารของวันใหม่ ร้อยละ 80 ต้องตอบว่าหยิบมือถือขึ้นมาอย่างแน่นอน เพียงแค่ช่วงเวลานั้นที่คุณดูโทรศัพท์มือถือก่อนออกจากบ้าน ก็เรียกว่าเจอแสงสีฟ้าแล้ว เรียกได้ว่าอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด และทำร้ายผิวได้ไม่แพ้กับรังสียูวีเลยล่ะ

แสงสีฟ้า ภัยร้ายทำลายผิว อยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด

แสงสีฟ้า (Bluelight) คืออะไร ?

แสงสีฟ้า มีชื่อเต็มอย่างเป็นทางการว่า High Energy Visible Light ซึ่งยาวมากไม่ต้องจำก็ได้ รู้แค่ว่ามันเป็นแสงประเภท Visible Light ที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เหมือนกับแสงไฟหรือแสงแดด ซึ่งแหล่งกำเนิดของแสงสีฟ้านี้มาจาสเปรกตรัมของสี 7 สี ที่อยู่ในระหว่างคลื่นแสงสีน้ำเงินที่ 400 – 500 นาโนเมตร ใกล้เคียงกับความแรงของ UVA และ UVB เลยทีเดียว

แสงสีฟ้า เจอได้ที่ไหนบ้าง

หลายคนอาจคุ้นเคยมาบ้างว่าแสงสีฟ้านี้จะเจอในหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์ แท็บเล็ต หน้าจอคอมพิวเตอร์ ทีวี แต่จริงๆ แล้วแสงสีฟ้านั้นอยู่รอบตัวเรามากกว่าที่คิด ซึ่งในแสงแดดก็มี แสงไฟนีออน แสงไฟฟลูออเรสเซนต์ที่เป็นไฟบ้านก็ยังมีแสงสีฟ้าเช่นเดียวกัน หรือก็คือต่อให้เราไม่ได้เล่นโทรศัพท์ แต่ถ้าอยู่ใต้แสงไฟก็สามารถโดนแสงสีฟ้าได้เช่นเดียวกัน

แสงสีฟ้า ภัยร้ายทำลายผิว อย่างไร

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแสงสีฟ้าที่ออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์ที่เราเล่นทุกวันจะสามารถทำร้ายผิวอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเวลาที่ทุกคนเล่นโทรศัพท์ก็ไม่ได้รู้สึกว่าแสบร้อนผิวเหมือนกับที่เวลาผิวของเราโดนแสงแดดที่มี รังสี UVA และ UVB จึงไม่ได้คิดว่าจะเข้าไปทำร้ายผิว

แต่จริงๆ แล้วมันจะเข้าไปทำลายผิวอย่างช้าๆ โดยมันจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับผิวด้วยการเข้าไปทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวและเข้าไปสร้างสารอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ เกิดความหย่อนคล้อย ดูแก่กว่าวัย และเกิดความหมองคล้ำบนใบหน้า จนถึงกระทั่งทำให้เกิดฝ้า กระ แต่ส่วนมากมักส่งผลกับใบหน้า เพราะส่วนมากเรามักใช้ใบหน้ามองหน้าจอมากกว่า

นอกจากแสงสีฟ้าจะทำร้ายผิวแล้ว ยังทำร้ายสายตาอีกด้วย เนื่องจากแสงสีฟ้านั้นมีผลต่อการเสื่อมสภาพของเซลล์เยื่อชั้นในลูกตา อาจทำให้จอประสาทตาเสื่อมได้ ยิ่งคนในปัจจุบันเล่นมือถือ แท็บเล็ตในเวลากลางคืนที่แสงน้อย ก็ยิ่งทำร้ายสุขภาพตามากขึ้น

ปัญหาผิวที่มากับแสงสีฟ้า

ฝ้า กระ จุดด่างดำ : แน่นอนว่าแสงสีฟ้ามีคุณสมบัติเหมือนกับรังสี UVA และ UVB เมื่อผิวโดนแสงสีฟ้าเป็นเวลานานก็จะทำให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน เกิดเป็น ฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้

ริ้วรอย ผิวเหี่ยวย่น : แสงสีฟ้านั้นจะไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารอนุมูลอิสระขึ้นมา โดยจะเข้าไปทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินในชั้นผิว ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดความเหี่ยวย่น มีริ้วรอย

ผิวหมองคล้ำ แห้งกร้าน : เนื่องจากผิวถูกสารอนุมูลอิสระทำลายองค์ประกอบสำคัญของผิวไปจนหมดแล้ว ความชุ่มชื้นของผิวก็จะลดน้อยลง จึงทำให้ผิวแห้ง และหมองคล้ำ

ผิวแพ้ง่าย : แสงสีฟ้านั้นเข้าไปทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้สิ่งเร้าที่จ้องจะทำร้ายผิวเข้ามาได้ง่ายมากขึ้น จึงทำให้ผิวมีอาการแพ้ได้ง่าย

สรุป

แสงสีฟ้า ก่อให้เกิดผลเสียและอันตรายกับผิวตามมามากมายไม่ต่างกับการเอาผิวไปโดนแสงแดดเลย ทั้งฝ้า กระ ความหมองคล้ำ จัดเต็มทุกปัญหาผิวมาเลย แต่การป้องกันแสงสีฟ้าทำได้ไม่ยากเพียงหมั่นทาครีมป้องกันไว้ ก็จะได้รับผลกระทบจากการถูกแสงสีฟ้าน้อยลง แต่เมื่อเกิดปัญหาใช่ว่าจะรักษาไม่ได้ Q-Switch laser เลเซอร์ที่ใช้ในการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ และปรับผิวหน้าให้กระจ่างใส ด้วยเลเซอร์พลังงานสูงและมีความยาวคลื่นมากถึง 532 นาโนเมตร จึงสามารถเข้าไปจัดการต้นตอของปัญหาผิวได้อย่างล้ำลึก